บทที่ 60 – รอ 10,000 ปี
ฮู่วว!
เฉินซีถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกเมื่อเขายืนยันได้ว่าเขาหลุดออกจากระยะของญาณหยั่งรู้ของทุกคนที่สามารถเล็งเป้าหมายมาที่เขาได้,ตอนนี้เท่านั้นที่เขาตระหนักได้ว่าเสื้อผ้าบนร่างกายของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบอย่างสมบูรณ์.
เฉินซีอาจสามารถกล่าวได้ว่าตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังเมื่อเขาถูกล้อมรอบโดยกลุ่มของไช๋เย่เทียนและซูเจี่ยวก่อนหน้านี้,และมันเป็นความโชคดีที่เขาสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย.
มีเหตุผลสองประการสำหรับสิ่งนี้.
ประการแรก – หลังจากประสบกับการต่อสู้ที่วุ่นวายภายในห้องโถงเก็บตำรา,กลุ่มของไช๋เย่เทียนและซูเจี่ยวได้อยู่ในสภาพที่เหนื่อยล้าแล้ว,ในขณะที่ข้อเท็จจริงที่ว่าเฉินซีสามารถสังหารหลี่ไฮวผู้ที่อยู่ในอาณาจักรตำหนักบูรพาได้อย่างง่ายดายนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำให้พวกเขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก.
ประการที่สอง – กลุ่มของไช๋เย่เทียนและกลุ่มของซูเจี่ยวนั้นมีหวาดระแวงและหวาดกลัวซึ่งกันและกัน,และพวกเขากังวลว่ากลุ่มอื่นๆจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์สุดท้ายเมื่อพวกเขาต่อสู้กับเฉินซี.
แน่นอนว่า,ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายเช่นกัน,แต่ถ้าจะพูดกันโดยเปรียบเทียบ,ถ้าไม่ใช่ว่าเฉินซีสามารถรับรู้ถึงสองจุดที่กล่าวมาข้างต้นได้และดำเนินการกับพวกเขา,มันจะเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาอย่างแน่นอนที่จะสามารถออกมาได้อย่างปลอดภัยเช่นนี้.
หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยในกระบวนการนี้,มันเป็นไปได้ที่จะทำให้เฉินซีต้องตกอยู่ในความหายนะชั่วนิรันดร์.
เฉินซีไม่คิดถึงเกี่ยวกับมันอีกต่อไป,และเขาก็ไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่น้อยขณะที่เขาเริ่มที่จะพุ่งออกไปอย่างรุนแรง.
เมื่อกาลเวลาผ่านไป,ความแข็งแกร่งของกลุ่มไช๋เย่เทียนและซูเจี่ยวจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นอย่างแน่นอน.ถ้าเขาไม่สามารถที่จะหาพื้นที่ที่ปลอดภัยเพื่อซ่อนตัวเขาเองในระหว่างช่วงเวลาเช่นนี้,เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับตาลปัด.
ดินแดนป่าเถื่อนทางตอนใต้นั้นถูกแยกออกจากส่วนที่เหลือของโลกและพวกเขาต้องรอให้มันเปิดอีกครั้งเป็นเวลาสามปีนับจากนี้ก่อนที่พวกเขาจะสามารถออกไปได้.
อาจกล่าวได้ว่าถ้าเฉินซีต้องการที่จะหลีกเลี่ยงการไล่ล่าของไช๋เย่เทียนและคนอื่นๆเป็นเวลาสามปี,เช่นนั้นเขาจำเป็นต้องหาสถานที่ซ่อนตัวที่ไม่มีผู้ใดสามารถที่จะค้นพบมันได้.
อย่างไรก็ตาม,เฉินซีรู้สึกไร้หนทาง,ไม่เพียงแต่เขาจะไม่สามารถหาสถานที่ที่จะสามารถซ่อนตัวตนเองได้,เขาแม้กระทั่งไร้ซึ่งหนทางที่จะออกไปจากที่พำนักเซียนดาบนี้ได้.
เมื่อพวกเราเข้าไปในที่พำนักเซียนดาบ,พวกเราพึ่งพาเหรียญแห่งการรู้แจ้งภายในเพื่อใช้เปิดแท่นเคลื่อนย้ายและเคลื่อนย้ายเข้ามาด้านใน.แต่การออกไปล่ะ?
ไม่มีเส้นทางจากที่พำนักของเซียนดาบที่นำไปสู่โลกภายนอกได้!
เฉินซีได้มองผ่านแผนที่ของที่พำนักเซียนดาบทั้งหมดในศูนย์กลางของห้องโถงหลักก่อนหน้านี้,และเขามั่นใจเกี่ยวกับสิ่งนี้เป็นอย่างมาก.
ถ้าดินแดนป่าเถื่อนทางตอนใต้ถูกกล่าวว่าเป็นมิติขนาดเล็กที่ถูกแยกออกจากส่วนที่เหลือของโลกแล้วล่ะก็,ที่พำนักเซียนดาบก็เป็นมิติขนาดเล็กยิ่งกว่าที่สร้างขึ้นภายในดินแดนป่าเถื่อนทางตอนใต้.นอกเหนือจากรูปแบบการเคลื่อนย้ายที่ใช้ในการเข้ามาที่นี่,ก็ไม่มีเส้นทางอื่นใดอีกในการที่จะเข้ามาได้.
ปัญหาไม่ได้มาเพียงอย่างเดียวอย่างแท้จริง!
เฉินซีครุ่นคิดและครุ่นคิด,และการก้าวเท้าของเขาพุ่งไปทางห้องโถงหลักโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ.
เมื่อเขาเคลื่อนย้ายเข้ามา,เขาปรากฏตัวขึ้นอยู่ภายในห้องโถงหลัก,เขาก็เอาสถานที่แห่งนี้เป็นที่ซ่อนของเขาโดยจิตใต้สำนึก.
ไม่นานหลังจากนั้น,เฉินซีกลับมาที่ห้องโถงหลักอีกครั้ง.
ขณะที่เขาจ้องมองไปที่เตียงหยกและโต๊ะทำงานภายในห้องที่เรียบง่าย,เฉินซีรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น,จากนั้นเขาก็นั่งท่าขัดสมาธิบนเตียงและเริ่มที่พักผ่อนด้วยการปิดตาลง.
ไม่ถึงครึ่งวันได้ผ่านไปแล้วตั้งแต่เข้ามาในที่พำนักเซียนดาบ,แต่สำหรับเฉินซี,ทุกช่วงเวลานั้นเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก
ค้นหาสมบัติ,กระตุ้นให้เกิดการต่อสู้ที่วุ่นวาย,สังหารหลี่ไฮว,รวบรวมผลดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สีทอง,หนีออกจากการล้อมที่หนาแน่น… เหตุการณ์แล้วเหตุการณ์เล่า,อันตรายยิ่งกว่าเมื่อก่อน .มันเหมือนกับการเต้นบนขอบของใบมีดและการเคลื่อนไหวที่ผิดพลาดอาจทำให้ทุกทุกอย่างจบสิ้นได้.แม้ว่าร่างกายของเฉินซีได้ถูกปรับแต่งจนกระทั่งน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่งแล้วก็ตามที,เขายังคงรู้สึกใช้ความพยายามมากจนเกินไปที่จะอดทนมัน.
ค่อยๆ…
พลังปราณที่เย็นยะเยือกและสดชื่นที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากเตียงหยกทำให้จิตใจของเฉินซีเงียบสงบและไร้ซึ่งความคิดที่ทำให้ไขว้เขวใดๆ.
ภายในทืะเลแห่งจิตสำนึกของเขา,รูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ฟูซีปลดปล่อยกลิ่นอายที่โบราณและกว้างใหญ่ออกมานั้นยังคงเปล่งประกายไปด้วยประกายแสงที่เบาบางนับไม่ถ้วน,และดวงวิญญาณของเฉินซีนั่งท่าขัดสมาธิอยู่ด้านหน้าของรูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ฟู่ซีด้วยการแสดงออกที่เยือกเย็น.
เส้นประสาทที่ตึงเครียดของเขาสงบลงและจิตใจและความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาค่อยๆฟื้นฟูขึ้นทีละนิดๆ.เขาไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีร่างสีดำที่เป็นเหมือนกับหมอกได้ปรากฏตัวขึ้นภายในเตียงหยกใต้ก้นของเขาอย่างฉับพลัน.
วู๊ซซ!
ร่างกายของเฉินซีแข็งค้างและเขารู้สึกราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างอยู่ภายในร่างกายของเขา,และมันพรั่งพรูไปทางทะเลแห่งจิตสำนึกของเขาด้วยการก้าวที่รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง.
เกิดอันใดขึ้น?
เฉินซีเปิดตาของเขาขึ้นในทันที,อย่างไรก็ตาม,ก่อนที่เขาจะได้หันศรีษะไปรอบๆ,เขารู้สึกเสียงดัง 'โอ่ม' ดังก้องอยู่ภายในจิตใจของเขา,จากนั้นเสียงทีี่แหลมและแหบแห้งดังก้องออกมา.
"ฮึฮึฮึ…ข้ารอคอยมาเป็นเวลา 10,000 ปีแล้ว,ข้า,การรู้แจ้งภายใน,รอคอยร่างกายที่ยอดเยี่ยม! สุดท้ายแล้วสวรรค์ก็ไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวัง!"
พร้อมกับการมาของเสียงนั้น,ร่างสีดำปรากฏตัวขึ้นภายในทะเลแห่งจิตสำนึกของเฉินซีอย่างฉับพลัน.ใบหน้าของร่างสีดำผอมแห้งและซีดขาวและมีเบ้าตาที่โบ๋ลงไป,แต่ดวงตาของเขายังคงคมราวกับดาบ,และพวกมันเจิดจ้าเป็นอย่างมาก.
"ฮ่าฮ่าฮ่า ! ตราบใดที่ข้ามีร่างกายนี้,ข้าจะสามารถบ่มเพาะได้อีกครั้ง.พร้อมกับปี่เซียะทารกและดอกบัววิญญาณศักดิ์สิทธิ์สีทองในความครอบครองของข้า,เหตุใดข้าถึงกังวลเกี่ยวกับการที่จะไม่สามารถเอาชนะระดับที่เก้าของความทุกทรมานจากสวรรค์บัดซบนั้นได้กัน?"
ภายในทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา,เฉินซียืนขึ้นอย่างรวดเร็วและจ้องไปที่คนสวมชุดสีดำที่ดูเหมือนกับว่าเขาปรากฏขึ้นมาจากอากาศธาตุ,จากนั้นตะโกนขึ้นเสียงดัง, "การรู้แจ้งภายในงั้นหรือ?"
"แน่นอน! เจ้าเด็กน้อย,ข้าเดาว่าเจ้าต้องการสมบัติที่ถูกเก็บอยู่ภายในที่พำนักของข้า,ดังนั้นเจ้าจึงอาศัยเหรียญการรู้แจ้งภายในเพื่อเข้ามา,ใช่หรือไม่? ฮ่าฮ่าฮ่า! เลวร้ายจนเกินไป! วิญญาณของเจ้ากำลังจะถูกกลืนกินโดยข้า,และร่างกายของเจ้าจะกลายเป็นของข้า!"
เช่นที่คาด,ร่างที่เป็นเหมือนกับหมอกสีดำอย่างน่าตกใจยิ่งที่เป็นวิญญาณของเซียน,การรู้แจ้งภายใน.
การแสดงออกของเฉินซียังคงไม่สะทกสะท้านขณะที่เขาถามขึ้นด้วยความเย็นชาว่า, "ทั้งหมดนี้เป็นกับดักที่เจ้าคิดอุบายไว้ก่อนหน้านี้?"
"แน่นอน! เจ้าคิดว่าข้าทิ้งคฤหาสน์เซียนนี้ไว้เบื้องหลังและส่งเหรียญการรู้แจ้งภายในของข้าออกไปสู่โลกภายนอกเพื่อเป้าหมายในการให้พวกเจ้าทุกคนแบ่งสมบัติข้างั้นหรือ?"
การรู้แจ้งภายในจ้องมองไปที่เฉินซีด้วยความสังเวช,และประกายแห่งความโลภลุกโชนขึ้นภายในดวงตาที่คมราวกับดาบของเขา. "เจ้าเด็กน้อย,ให้ข้ากลืนกินวิญญาณของเจ้าซะแต่โดยดี.การที่ร่างกายของเจ้าจะถูกใช้โดยข้าเป็นโชคที่ยิ่งใหญ่ที่เจ้าไม่สามารถได้รับมันตลอดชั่วชีวิตของเจ้า."
"ฮึ่ม! แม้ว่าเจ้าจะกลืนกินวิญญาณของข้า,การบ่มเพาะของเจ้าจะอยู่ที่อาณาจักรก่อกำเนิดเท่านั้น. เจ้าจะสามารถออกจากสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร? ศัตรูมากมายที่ไม่ได้ปราถนาอันใดไปมากกว่าการสังหารข้านั้นซ่อนตัวอยู่ภายนอก." เฉินซีกล่าวเสียงดัง.
"เจ้าเด็กน้อย,อย่าใช้เล่ห์เลี่ยมอันเล็กน้อยของเจ้า,เจ้าไม่อยากรู้งั้นหรือว่าจะออกไปจากคฤหาสน์เซียนนี้ได้อย่างไร?"
การรู้แจ้งภายในชำเลืองมองไปที่เฉินซีด้วยความดูถูก,จากนั้นเขาเย้นหยั่น. "ข้าสามารถบอกเจ้าได้ตั้งแต่ตอนที่เจ้ากำลังจะตาย,แต่..."
ขณะที่เขาพูดมาถึงจุดนี้,เจตนาสังหารแวบขึ้นภายในดวงตาของการรู้แจ้งภายใน,จากนั้นพุ่งไปอย่างฉับพลัน.แปรสภาพกลายเป็นหมอกสีดำขณะที่เขาห่อหุ้มไปทางเฉินซี.
"แต่,ข้าจะบอกเจ้าหลังจากที่ข้ากลืนกินวิญญาณของเจ้าแล้วเท่านั้น! ฮ่าฮ่าฮ่า!" ขณะที่เขาจ้องมองไปที่เฉินซีผู้ที่เห็นได้ชัดว่าถูกทำให้หวาดกลัวโดยเขาจนถึงจุดที่เขาไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหว,การรู้แจ้งภายในแผดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความพึงพอใจจากภายในคลื่นหมอกสีดำ.
"เมื่อเจ้าไม่เต็มใจที่จะบอกข้า,เช่นนั้นตายซะ!" เมื่อหมอกสีดำของการรู้แจ้งภายในกำลังจะห่อหุ้มเฉินซี,เฉินซีผู้ที่จ้องมองไปด้วยความว่างเปล่าจนถึงจุดที่ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวจู่ๆดวงตาของเขาก็สาดประกายขึ้นด้วยประกายแสงเย็นที่เจิดจ้าออกมาอย่างฉับพลัน.
โอ่ม!
เสียงของการสวดมนต์ที่เย็นชาที่ดูเหมือนราวกับว่ามาจากสมัยโบราณดังก้องขึ้นภายในทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา,จากนั้นร่างของชายชราที่ผอมแห้งขนาดมหึมาปรากฏขึ้นจากอากาศภายในทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา.ชายชรานั้นเท้าเปล่าและสวมชุดผ้าลินิน,พร้อมกับนั่งท่าขัดสมาธิในอากาศเช่นนั้น,ดูเหมือนราวกับเป็นภูเขาที่สูงตระหง่านที่ไม่สามารถทำให้เกิดซึกหรอได้แม้ว่าจะอยู่มานานหลายปีจนนับไม่ถ้วนก็ตามที.การจ้องมองของเขานั้นลึกล้ำและกว้างใหญ่,และประกายแสงศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนห่อหุ้มร่างกายของเขา.ในทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น,เขาทำให้ทะเลแห่งจิตสำนึกของเฉินซีเปล่งประกายแสงอันเจิดจ้าขึ้น.
ฟ่อ! ฟ่อ! ฟ่อ!
หมอกสีดำของเซียน,การรู้แจ้งภายใน,ละลายลงราวกับน้ำแข็งที่อยู่ในน้ำในทันทีที่มันถูกห่อหุ้มไปด้วยประกายแสงศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนจากรูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ฟูซี,และเขาค่อยๆแห้งเหี่ยวไปทีละเล็กทีละน้อยด้วยความเร็วที่สามารถสังเกตเห็นชัดด้วยตาเปล่า.
"อ๊าก! มันเป็นไปได้อย่างไรกัน! มันเป็นตราประทับร่างกายที่แท้จริงที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังโดยตัวตนอันยิ่งใหญ่จากยุคแรกเริ่ม." เสียงของการรู้แจ้งภายในเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวอันไร้ที่สิ้นสุดขณะที่เขากรีดร้องอย่างโหยหวน. "ม่ายย!"
ในเวลาแทบจะในทันที,หมอกสีดำถูกเผาจนไร้ซึ่งสิ่งใดหลงเหลืออยู่ภายในประกายแสงที่ละเอียดอ่อนนับไม่ถ้วน,และเสียงของการรู้แจ้งภายในก่อนที่เขาจะตายยังคงอ้อยอิ่งอยู่ภายในทะเลแห่งจิตสำนึกของเฉินซี.
เฉินซีเริ่มที่จะสูดลมหายใจเข้าหลังจากที่เขาแน่ใจว่าเซียน,การรู้แจ้งภายใน,ตายไปแล้วอย่างสมบูรณ์.
แม้ว่าสิ่งที่เขาจะเจอมาก่อนหน้านี้เป็นเพียงวิญญาณของการรู้แจ้งภายใน,เฉินซียังคงรู้สึกกดดันอย่างไร้ที่สิ้นสุด.นั่นคือช่องว่างระหว่างอาณาจักร,และมันทำให้เขาไม่สามารถที่จะกระตุ้นความต้องการที่จะต่อต้านได้.
"โชคดีนัก,ข้ามีตราประทับที่แท้จริงที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังโดยผู้อาวุโสฟูซี.เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้ข้าพนันถูกต้อง. ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งนี้,ข้ากลัวว่ามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับข้าที่จะหลบหนีจากภัยพิบัตินี้อย่างแน่นอน."
เฉินซีมียังคงมีความหวาดกลัวอยู่ภายในหัวใจของเขาขณะที่เขาคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้,และความรู้สึกซาบซึ้งใจเกิดขึ้นภายในหัวใจของเขาขณะที่เขาจ้องมองไปที่รูปปั้นศักดิ์สิทธิ์โบราณในทะเลแห่งจิตสำหนึกของเขาที่ยังคงเป็นเช่นเดิมชั่วนิรันดร์.
ตู้มมม!
มันเป็นช่วงเวลานี้เองที่เกิดเสียงดังกระหึ่มที่เป็นเหมือนกับฟ้าผ่าจากจุดสูงสุดของสวรรค์ดังกึกก้องออกมา,และห้องโถงหลักทั้งหมดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับว่ามันมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น.
เป็นไปได้หรือไม่ว่าที่ห้องโถงหลักกำลังจะพังทลายลงเช่นเดียวกับห้องโถงร้อยสมุนไพร?
เฉินซีรีบลุกขึ้นยืนและพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว,อย่างไรก็ตาม,สำหรับความประหลาดใจของเขา,ไม่ว่าเขาจะไปที่ใดก็ตาม,การสั่นสะเทือนที่รุนแรงราวกับเกิดแผ่นดินไหวก็ยังคงอยู่.
ห้องโถงสมบัติ,ห้องโถงเก็บตำรา... สิ่งก่อสร้างทั้งหมดภายในที่พำนักของเซียนดาบเป็นเหมือนภูเขาไฟที่หลับลึกมาเป็นเวลานับพันปี,และในช่วงเวลานี้เอง,ที่พวกมันตื่นขึ้นมาและปะทุขึ้น!
"เกิดอันใดขึ้น?"
"หนีไปเร็วเข้า! ที่พำนักเซียนดาบนี้กำลังจะถูกทำลาย!"
"ไปกันเถอะ!"
ในช่วงเวลานี้,ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของไช๋เย่เทียนหรือกลุ่มของซูเจี่ยวใบหน้าของพวกเขาซีดขาว. พวกเขาไม่กล้าที่จะลังเลอีกต่อไป,พุ่งผ่านระหว่างสิ่งก่อสร้างมากมายที่พังทลายลงมาด้วยเสียงดังกระหึ่มขณะที่พวกเขาหนีไปด้วยความหวาดกลัว.
สัตว์ป่าที่ดุร้ายกำลังหลบหนี,พวกมันที่ไร้ซึ่งร่องรอยของความชาญฉลาดอยู่ภายใต้อิทธิพลของสัญชาตญาณที่จะมีชีวิตรอด,และพวกมันหนีไปคนละทิศคนละทางด้วยความหวาดกลัวและตกใจ.อย่างไรก็ตาม,ไม่ว่ามันพวกมันจะไปสถานที่ใด,สุดท้ายแล้ว,พวกมันจะถูกเขมือบไปโดยรอยแยกขนาดมหึมาในพื้นดิน.
คช้ะ! คช้ะ!
พื้นที่โดยรอบดูเหมือนจะไม่สามารถทนต่อแรงกดดันเช่นนี้ได้และแตกออกเป็นรอยแยกสีดำขนาดมหึมามากมาย.ในทันทีที่ชิ้นส่วนและก้อนหินตกลงไปในรอยแยกสีดำ,พวกมันหายไปอย่างไร้ร่องรอย.
ในช่วงเวลานี้,มันราวกับว่าวันสิ้นโลกได้มาถึงดินแดนป่าเถื่อนทางตอนใต้ทั้งหมด.พื้นดินสั่นสะเทือนและมิติแตกออกราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ในช่วงเวลาถัดไป!
…
"เอ๋!" ลึกลงไปในเทือกเขาป่าเทื่อนทางตอนใต้,ชายหนุ่มหล่อเหลาในเสื้อคลุมสีม่วงยืนอยู่ตรงหน้าผาและสายตาของเขาจ้องไปที่มิติที่ดินแดนป่าเถื่อนทางตอนใต้อยู่.
เขามีรูปร่างที่สูงและใบหน้าที่หล่อเหลาผิดปกติ.สายตาของเขาลึกล้ำเหมือนกับทะเลสาบและบอลแสงสายฟ้าสีม่วงสองลูกดูเหมือนจะโคจรอยู่ภายในรูม่านตาของเขา.แสงแดดยามบ่ายที่เป็นเหมือนกับโลหิตส่องมาบนใบหน้าของเขาและเพิ่มกลิ่นอายที่แปลกประหลาดและลึกลับให้กับเขา.
"น่าสนใจยิ่งนัก,พื้นที่ที่รกร้างว่างเปล่าที่อยู่ภายในมิติที่ฉีกขาดกำลังจะถูกทำลาย?"
การจ้องมองของชายหนุ่มในเสื้อคลุมสีม่วงดูเหมือนจะสามารถมองผ่านสิ่งกีดขวางทั้งหมดในมิติได้และทำให้เขาสามารถเห็นฉากที่คนธรรมดาไม่สามารถที่จะเห็นได้.
"โอ้,ยังมีคนที่ยังไม่ได้ออกมาจริงๆงั้นหรือ?หืมม,ข้าสังหารมามากมายในช่วงไม่กี่วันมานี้,แม้ว่าพวกเขาจะเป็นแค่สัตว์บางอย่างเท่านั้น,แต่ชายชราจะตำหนิข้าจนตายอย่างแน่นอนถ้าเขาหาค้นพบ.เอาล่ะ,ข้าจะนำมันไปเป็นการกระทำเรื่องที่ดีบางอย่างเพื่อสะสมคุณธรรมบางอย่างไว้..."
ชายหนุ่มสวมเสื้อสีม่วงลูบคางของเขาและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เหยียดมือออกไปทางช่องว่างที่ ประตูเคลื่อนย้ายพื้นที่ป่าเถื่อนแดนใต้
– สิ้นสุดเล่มที่หนึ่ง การเปลี่ยนแปลงเหนือเมืองซงอู่ -
ขอบใจจร้าาาาา
ตอบลบ