บทที่ 56 – สังหาร!
"หลี่ซง,หลี่กัว,หลี่หง,เจ้าทั้งสามคนดูจากด้านข้างเถอะ.ข้าจะทุบตีเจ้าเด็กนี่ให้กลายเป็นชิ้นเนื้อในวันนี้!" หลี่ไฮวโบกมือให้ขณะที่เขาสั่งศิษย์ของตระกูลหลี่ทั้งสามคนที่อยู่ใกล้ๆ,จากนั้นเขาถือดาบระลอกคลื่นสนในมือของเขา,และการจ้องมองของเขาราวกับสายฟ้าขณะที่กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวของเขาเล็งไปที่เฉินซี.
เฉินซีไม่ได้พูดต่อ,ปลายเท้าของเขาสัมผัสกับพื้นขณะที่ร่างกายของเขาทั้งหมดเป็นเหมือนกับลูกศรที่ยิงออกมาจากคันศร,แวบขึ้นไปทางหลี่ไฮว.
ฟ่อ! ฟ่อ!
ขณะที่เขาพุ่งไป,ร่างกายของเขาฉีกคลื่นของอากาศที่มากมายและยาวในอากาศรอบข้าง. คลื่นของอากาศเหล่านี้พรั่งพรูออกมาและแตกออกเหมือนกับน้ำในแม่น้ำที่พลุ้งพล่านด้วยแรงที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง.
หลังจากที่ใช้พลังปราณปีศาจที่ชั่วร้ายที่รากฐานของรูปแบบในก้นของเหวเพื่อทะลวงขั้นไปยังอาณาจักรก่อเกิดขั้นสมบูรณ์ในการปรับแต่งกายเนื้อ,ร่างกายของเฉินซีราวกับดาบที่ล้ำค่าที่ถูกอบอยู่ในเตาหลอมเป็นเวลานับล้านครั้ง.พลังงานเกี่ยวกับชีวิตและโลหิตของเขาพุ่งทยานขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนกับสายรุ้ง,กระดูกและเส้นเอ็นภายในร่างกายของเขานั้นราวกับหยกบริสุทธิ์,และมันไร้ซึ่งเศษของสิ่งสกปรกภายในร่างกายทั้งหมดของเขา.เมื่อเขาพุ่งออกไป,ร่างกายของเขานั้นเบาเหมือนกับนกนางแอ่นควบคู่ไปกับ 8 ย่างก้าวมังกรสวรรค์,ความเร็วของเขาเร็วกว่าเมื่อก่อน 20 % เป็นอย่างน้อย!
ปัง!
ท้องฟ้าสั่นสะเทือนขณะที่หมัดที่ถูกปกคลุมไปด้วยพละกำลังที่น่าสะพรึงกลัวทุบตรงไปทางใบหน้าของหลี่ไฮว,มันเป็นการเคลื่อนไหวแบบเดียวกันกับที่เขาใช้เมื่อต่อสู้กับหลี่ไฮวในเมืองนองเลือด.
"การเคลื่อนไหวเช่นนี้อีกแล้ว… ฮึ่มม! เจ้าดูถูกข้า.หลี่ไฮว,มากจนเกินไปแล้ว!" ขณะที่เขาตะโกน,ปราณแท้ที่หนาแน่นของเขาไหลทะลักออกมาจากร่างกายของหลี่ไฮว,และร่างกายของเขาลอยขึ้นจากพื้นดินด้วยเสียงดังฟิ้วเพื่อบินขึ้นไปอยู่บนกลางอากาศ.
ปัง!
หมัดของเขาพลาดไปและปราณแท้ที่ทรงพลังระเบิดไปที่พื้นที่เพาะปลูกจิตวิญญาณเหมือนกับเครื่องไถขณะที่มันทำให้เกิดร่องลึกขึ้นมากมาย,และดินลอยขึ้นไปทั่วสิ่งรอบข้าง.
"ฮ่าฮ่า! ผู้ฝึกตนอาณาจักรตำหนักบูรพาสามารถบินอยู่ในอากาศได้,เจ้าโง่เอ้ย!" หลี่ไฮวหัวเราะอย่างยิ่งยโสในกลางอากาศ.
แต่ทว่าคว้าโอกาสเมื่อหลี่ไฮวกำลังพูด,เฉินซีไม่ได้หยุดและเขากลับพุ่งไปทางชายหนุ่มสามคนที่อยู่ใกล้ๆแทน.
ปัง! ปัง! ปัง!
หนึ่งในศิษย์ของตระกูลหลี่ลดการป้องกันลง,กะโหลกศีรษะของเขานั้นแตกเป็นเสี่ยงๆด้วยหมัดเดียว,และเขาตกตายลงในทันที.พวกเขาอีกสองคนไขว้แขนของพวกเขาเพื่อทำการป้องกัน,แต่พวกเขาก็ยังคงไม่สามารถรอดพ้นจากภัยพิบัตินี้ได้,มันราวกับว่าค้อนขนาด 150,000 กิโลกรัมทุบลงบนแขนของพวกเขาอย่างรุนแรง,ทำให้กระดูกของพวกเขาแตกออกเป็นชิ้นๆ.พละกำลังอันน่าสะพรึงกลัวที่พรั่งพรูออกมาจากหมัดของเฉินซีทำให้พวกเขาสั่นสะท้านจนถึงจุดที่พวกเขากระอักโลหิตออกมาก่อนที่จะลอยละลิ่วไปกว่า 30 เมตรและไม่สามารถยืนขึ้นได้อีกต่อไป.
สำนักแห่งการปรับแต่งกายเนื้อเทพอสูรนั้นเป็นการคงอยู่ที่น่าสะพรึงกลัวเสมอที่ทำลายผู้ปรับแต่งพลังปราณในการบ่มเพาะระดับเดียวกันทั้งหมด. ตอนนี้กายเนื้อของเฉินซีนั้นถูกปรับแต่งไปถึงอาณาจักรก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์,มันสามารถต่อต้านสมบัติที่มีระดับทั่วไปได้อย่างสมบูรณ์,ทำให้เขามีความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่และกระดูกและเส้นเอ็นที่น่าสะพรึงกลัว.โดยอาศัยแค่เพียงความแข็งแกร่งของร่างกายของเขา,มันมากกว่าเพียงพอสำหรับเขาที่จะสังหารศิษย์ของตระกูลหลี่ทั้งสามเหล่านี้ที่อยู่ที่อาณาจักรก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์เท่านั้น.
"เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!" ใบหน้าของหลี่ไฮวกลายเป็นน่ากลัว,เขาอยู่กลางอากาศ,แต่ดาบระลอกคลื่อนสนในมือของเขาแปรสภาพกลายเป็นประกายแสงสีฟ้าที่ฟันลงไปที่เฉินซีอย่างดุร้าย,และไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันต้องเป็นความสามารถในการควบคุมสมบัติวิเศษที่มีเพียงผู้ฝึกตนอาณาจักรตำหนักบูรพาเท่านั้นที่สามารถควบคุมมันได้.
วู๊ซซ!
ดาบระลอกคลื่นสนรวดเร็วราวกับสายฟ้า,และแรงที่น่าสะพรึงกลัวแม้กระทั่งฉีกขาดผ่านอากาศ,สั่นสะเทือนพลังวิญญาณรอบข้างทำให้กระจัดกระจายออกไปด้วยเสียงดังสนั่น.
เฉินซีตกตะลึงอยู่ภายในใจ,ไม่สามารถที่จะหลบได้ในเวลานี้,เขาเหวี่ยงหมัดของเขาออกไปเพื่อกระแทกไปยังดาบบินที่พุ่งมาที่เขาอย่างรุนแรง.จู่ๆ,ดาบบินเปลี่ยนทิศทางของมันกลางอากาศอย่างฉับพลันและกวาดผ่านเส้นโค้งขณะที่มันร่อนผ่านกระดูกซี่โครงของเขาอย่างรวดเร็ว.
แคร๊ก!
เสื้อผ้าของเขาถูกฉีกขาดและรอยฟกช้ำเล็กๆปรากฏบนร่างกายของเขาแข็งดั่งเหล็ก,แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น,เฉินซียังคงช่วยไม่ได้จากการที่จะหลั่งเหงื่อเย็นออกมาจากอาการตกใจ.
"มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!? ดาบระลอกคลื่นสนนี้เป็นสมบัติวิเศษระดับเหลืองขั้นต่ำ,เป็นไปได้อย่างไรกันที่มันไม่สามารถทำร้ายสหายผู้นี้ได้?" ในกลางอากาศ,หลี่ไฮวตกตะลึง,และการแสดงออกของเขากลายเป็นน่าเกลียด.
"ลงมาเดี๋ยวนี้!" แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ,แต่มันยังคงทำให้เฉินซีโกรธเคือง.ปราณแท้ที่มากมายของเขาไหลทะลักเข้าสู่แขนของเขาและพวกมันทุบออกไปนับครั้งไม่ถ้วน,และหมัดที่โปร่งใสที่ดูเหมือนกับเป็นสิ่งของที่พุ่งออกมาจากมือของเขา!
หมัดที่โปร่งใสเหล่านี้ดูเหมือนราวกับว่าพวกมันถูกแกะสลักมาจากผลึกและเปล่งประกายวาววับและโปร่งแสง.พวกมันถูกควบแน่นและบีบอัดมาจากปราณแท้จากนั้นถูกต่อยออกไปโดยเคล็ดวิชาหมัดยิ่งใหญ่ทำลายล้างขั้นที่สามของเฉินซี — ทำลายหินกลายเป็นผุยผง,และเป็นเหมือนกับฝนอุกกาบาตที่ทำให้เกิดเสียงดังกระหึ่มอยู่ในท้องฟ้า,ทำให้เกิดเสียงที่น่าตกใจและเต็มไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่งออกมา.
"ฮึ่มม! มันเป็นเพียงแค่การปลดปล่อยปราณแท้เท่านั้น,มันไม่สามารถทำอันใดข้าได้!" หลี่ไฮวเย้ยหยั่น.ประกายดาบนับนี่แหลมคมไม่ถ้วนเฉือนออกไปจากดาบระลอกคลื่นสนที่คดตัวอยู่รอบร่างกายของเขาอย่างฉับพลัน,ฟันไปทางหมัดที่ส่งเสียงดังกระหึ่มมาทางเขาเหมือนกับสายฝนเหล่านั้น.
ปัง!
หมัดที่โปร่งแสงบดขยี้ประกายดาบแตกออกเป็นชิ้นๆโดยตรง,และความเร็วของมันไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อยขณะที่มันต่อยไปทางหลี่ไฮวอย่างต่อเนื่อง.
"ไม่ดีแล้ว! ข้าลืมไปได้อย่างไรว่าทักษะหมัดของเจ้าเด็กนี่ได้ก้าวไปถึงขั้นหลอมรวมแล้ว,และมันสามารถหยิบยืมการสนับสนุนจากพลังงานของสวรรค์และปฐพีเพื่อเพิ่มแรงการระเบิดของมันได้..?"
หลี่ไฮวตกตะลึง,จากนั้นก็นึกถึงฉากที่เขากำลังต่อสู้กับเฉินซีนอกเมืองนองเลือดอย่างฉับพลัน,และใบหน้าของเขาสลดลงในทันที!
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
หมัดที่โปร่งใสเป็นเหมือนกับแหจับปลาขนาดใหญ่ขณะที่มันบดขยี้ประกายดาบนับไม่ถ้วนทั้งหมดแตกออกเป็นเสี่ยงๆที่ตั้งตระหง่านล้อมรอบหลี่ไฮวผู้ที่ยืนอยู่ตรงกลาง!
"บัดซบ!"
การเคลื่อนไหวที่ผิดพลาดทำให้เขาเสียความคิดที่จะเริ่มการต่อสู้.หลี่ไฮวทำได้แค่เพียงกัดฟันของเขาและโคจรปราณแท้ภายในร่างกายของเขาทั้งหมดเท่านั้น,จากนั้นคว้าด้ามจับดาบระลอกคลื่นสนเพื่อเหวี่ยงเงาดาบออกไประลอกคลื่นของสายลมขณะที่พวกมันพุ่งออกไป,ก่อตัวขึ้นเป็นเกราะป้องกันน้ำที่แน่นหนาปกป้องสิ่งรอบข้างของเขา.ในเวลาเดียวกัน,เขากลับกลายเป็นลำแสงพุ่งไปในระยะทางที่ห่างไกลแทน,พยายามที่จะพุ่งออกไปจากวงล้อมของหมัดที่โปร่งใสที่มาจากด้านข้างของเขาทั้งหมด.
ปัง!
หมัดที่โปร่งใสบดขยี้ลงไปบนเงาดาบที่อยู่รอบร่างกายของหลี่ไฮว,ปราณแท้อันน่าสะพรึงกลัวที่อยู่ภายในมันพรั่งพรูออกมา,และมันชนเข้ากับหลี่ไฮวจนลอยละลิ่วขึ้นไป.
ปัง! ปัง! ปัง!
ก่อนที่หลี่ไฮวจะได้พักหายใจ,มีหมัดอีกสองถึงสามหมัดระเบิดรอบข้างร่างกายของเขา,ทำให้เขากระเด็นไปไกลกว่า 30 เมตร อีกครั้ง,และร่างกายของเขาโซเซไปมาและเกือบจะตกลงไปบนพื้นดิน.
ในเวลานี้,ผมของหลี่ไฮวยุ่งเหยิงและและห้อยลงมาอย่างอิสระ,เสื้อผ้าของเขากลายเป็นเศษผ้า.ผิวที่เปลือยเปล่าของเขาถูกเผาอย่างสมบูรณ์,และสารรูปของเขาอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเป็นอย่างมาก.เขาไม่กล้าที่จะโอ้อวดความเหนือกว่าของเขาอีกต่อไปและกระโจนลงมาบนพื้นดิน,ตอนนี้เท่านั้นที่เขาสามารถหลบหนีจากวงล้อมของหมัดที่โปร่งใสเหล่านั้นได้.
นี่ … นี่ต้องไม่ใช่เรื่องจริงอย่างแน่นอน. การบ่มเพาะของเจ้าเด็กนี่อยู่ที่อาณาจักรก่อกำเนิดเท่านั้น,และเขาใช้แค่เพียงมือเปล่า.เหตุใดเขาถึงน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้?
หลี่ไฮวจ้องที่เฉินซีด้วยความไม่อยากจะเชื่อ.มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะจินตนาการได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจากก่อนหน้านี้เกิดขึ้นจากสหายผู้นี้ที่มักจะถูกดูถูกว่าเป็นขยะอยู่ตลอดเวลา.
เขามักจะคิดว่าที่เขาพ่ายแพ้ให้กับเฉินซีนอกเมืองนองเลือดเป็นเพราะว่าการบ่มเพาะของเขานั้นถูกจำกัดไว้และมันทำให้เฉินซีได้มีโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากมัน.อย่างไรก็ตาม,ตอนนี้,เมื่อเขาใช้การบ่มเพาะของอาณาจักรตำหนักบูรพา,เขาก็ยังคงถูกบังคับให้ตกลงมาจากกลางอากาศโดยเฉินซี.สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เขาไม่สามารถที่จะยอมรับความเป็นจริงได้.
เหตุใดมันถึงเป็นเช่นนี้ได้?
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าเด็กนี่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ปกปิดตัวเอง,และเป็นหมาป่าในคราบแกะเสมอ?
แทบจะทันทีที่ความคิดของหลี่ไฮวกำลังครุ่นคิดอยู่อย่างรวดเร็ว,เฉินช่วยไม่ได้ที่จะเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของเขาได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง.ในตอนนี้เท่านั้นที่เขาสามารถตระหนักถึง.พึ่งพาการบ่มเพาะอาณาจักรก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์ทั้งในการปรับแต่งกายเนื้อและการปรับแต่งพลังปราณของข้า,และหมัดยิ่งใหญ่ทำลายล้างของข้าที่อยู่ที่ขั้นหลอมรวม,ข้าสามารถต่อสู้กับผู้ฝึกตนอาณาจักรตำหนักบูรพาได้อย่างสมบูรณ์!
อย่างไรก็ตาม,เห็นได้ชัดว่าหลี่ไฮวก้าวไปสู่อาณาจักรตำหนักม่วงเมื่อไม่นานมานี้,และประสบการณ์การต่อสู้ของเขาด้อยกว่าข้า.นั่นคืิอเหตุผลที่ข้าสามารถยึดความคิดริเริ่มในการต่อสู้และบังคับให้เขาล่วงลงมาจากท้องฟ้า... มันดูเหมือนว่าข้าจะสามารถต่อสู้กับสหายบางคนผู้ที่อยู่ในอาณาจักรตำหนักบูรพาขั้นต้นและมีประสบการณ์ในการต่อสู้ที่ไม่ดีนักเท่านั้น.
สำหรับผู้ฝึกตนอาณาจักรตำหนักบูรพาที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านั้น,ข้ายังคงต้องจัดการกับพวกเขาอย่างรอบคอบเมื่อข้าเจอพวกเขาในอนาคต.
หลังจากที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ทั้งหมดแล้ว,เฉินซีก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและเริ่มทำการโจมตีอีกครั้ง,และหมัดของเขาเป็นเหมือนกับฝนที่ตกลงมาขณะที่พวกมันไม่ให้โอกาสใดๆกับหลี่ไฮวที่จะบินขึ้นไปอีกครั้งอย่างสิ้นเชิง.
สถานการณ์เช่นนี้เริ่มจะกลายเป็นสิ่งที่เสียเปรียบสำหรับหลี่ไฮว.
ส่วนหนึ่งของความตั้งใจที่จะต่อสู้ของเขานั้นถูกชิงไปโดยเฉินซีก่อนหน้านี้,และตอนนี้เขาถูกทำลายล้างโดยเฉินซีจากการที่ถูกบังคับให้ลงมาต่อสู้บนพื้นดิน,เขานั้นตกอยู่ในสภาวะของการป้องกันโดยที่ไม่ได้โต้ตอบอย่างสมบูรณ์.
อย่างไรก็ตาม,มันยังคงเป็นไปไม่ได้สำหรับเฉินซีที่จะจัดการกับหลี่ไฮวในช่วงเวลาอันสั้น,ขณะที่สหายผู้นี้เหวี่ยงดาบระลอกคลื่นสนของเขาจนถึงจุดที่แม้แต่น้ำก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้,และขณะที่มันป้องกันรอบข้างร่างกายของเขา,เขาแทบจะเป็นเหมือนกับเต่าที่หดหัวอยู่ในกระดองของมัน.
โครก! โครก!
กล้ามเนื้อที่เปล่งประกายมันวาวราวกับหยกบนร่างกายทั้งหมดของเขาขยายและพองออกไป,จากนั้นผันผวนไปมาอย่างไร้ที่สิ้นสุดเหมือนกับน้ำขึ้นน้ำลงพร้อมกับการเคลื่อนไหวที่เป็นจังหวะเป็นอย่างยิ่ง,และพลังปราณเกี่ยวกับชีวิตและโลหิตภายในร่างกายของเขานั้นราวกับว่ามันลุกโชนขึ้นมา,และมันปลดปล่อยคลื่นของเสียงคำรามที่ก้องกังวานออกมา.
สารรูปของหลี่ไฮวขณะที่กำลังรับการโจมตีนั้นคล้ายกับหุ่นที่เอาไว้ซ้อมเป็นอย่างมาก,และสิ่งนี้ทำให้เฉินซีคิดแผนที่ดีขึ้นได้.เขาตัดสินใจที่จะใช้หลี่ไฮวทดสอบว่าร่างกายของเขาน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงใด,และเขาไม่ได้ใช้ปราณแท้ของเขาอีกต่อไปและเริิ่มที่จะใช้ความแข็งแกร่งอันบริสุทธิ์ของร่างกายของเขา.
ปัง! ปัง! ปัง!
เขาได้ยืนยันก่อนหน้านี้ไปแล้วว่าดาบระลอกคลื่นสนภายในมือของหลี่ไฮวไม่สามารถทำร้ายเส้นเอ็นและกระดูกของเขาได้,ดังนั้น,เฉินซีจึงไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยขณะที่เขาโคจรทักษะหมัดของเขาในตอนนี้,ควบคู่ไปกับความชำนาญในการต่อสู้ที่เขาได้ลับคมมากจากการต่อสู้เป็นตาย,เขาสามารถบังคับให้คู่แข่งของเขาไปอยู่ในจุดที่เขาสามารถทำได้แค่เพียงใช้ความแข็งแกร่งของเขาป้องกันการโจมตีของเขาเท่านั้นและไม่มีสิ่งใดไปมากกว่านั้น.ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่น่าหลงใหลและเป็นสิ่งที่น่าเสพติดอย่างแท้จริง.
หลี่ไฮวไม่ได้สังเกตเห็นว่าเขาได้กลายเป็นหุ่นซ้อมในการต่อสู้สำหรับเฉินซีเพื่อทดสอบความแข็งแรงของร่างกายของเขาไปแล้ว,แต่ในช่วงเวลานี้เขาไม่สามารถที่จะสังเกตเห็นสิ่งนี้ทั้งหมดได้อย่างเต็มที่.
จิตใจของเขาได้ตกไปอยู่ในความหวาดกลัวอันยิ่งใหญ่ที่ไม่สามารถอธิบายได้อย่างสมบูรณ์,ขณะที่เขายังคงอดทนต่อเฉินซีผู้ที่กล้าหาญมากยิ่งขึ้นในขณะที่การต่อสู้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ,เขาครุ่นคิดถึงหนทางที่จะหลบหนีอย่างขมขื่น.
จนถึงจุดนี้ของการต่อสู้,จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาหมดลงอย่างสมบูรณ์,และเขาไม่ต้องการที่จะต่อสู้กับสัตว์ประหลาด,เฉินซี,อีกต่อไป.จนถึงจุดที่เขาสงสัยว่าถ้าการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้,เขาคงจะถูกทำให้เหนื่อยจนตายโดยเฉินซี.
ข้าควรทำอย่างไร?
ข้าควรจะก้มศีรษะของข้าและยอมรับความพ่ายแพ้ต่อเขาหรือไม่?
มันไม่มีประโยชน์ใดๆ.แม้ว่าข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้,ข้าก็กลัวว่าสหายผู้นี้จะไม่ยอมปล่อยข้าไป.สุดท้ายแล้วปู่ของเขาตกตายลงในเงื้อมมือของผู้ฝึกตนตระกูลหลี่ของข้า.ความเป็นปฏิัปักษ์เช่นนี้นั้นไม่สามารถปรองดองกันได้อย่างแน่นอน,และเขาคงจะไม่ยอมยกโทษให้ข้าอย่างแน่นอน...
แต่,นอกเหนือจากการยอมรับความพ่ายแพ้,มีวิธีอื่นใดที่ทำให้สามารถมีชีวิตรอดได้อีกหรือไม่?
หลี่ไฮวรู้สึกว่าปราณแท้ภายในตันเถียนของเขาลดลง,และเขาดูเหมือนจะเห็นเทพเจ้าแห่งความตายใกล้เข้ามาอย่างเงียบๆ.เป็นเวลาชั่วครู่,หัวใจของเขาถูกเผาไหม้ด้วยความกระวนกระวายใจ,และความเหม่อลอยที่สั้นเป็นอย่างมากได้ปรากฏขึ้นในการแสดงออกของเขา.
มันเป็นในช่วงเวลานี้เองที่ดวงตาของเฉินซีสาดประกายขึ้น,เขาคว้าโอกาสนี้เพื่อก้าวไปข้างหน้า,จากนั้นหมัดขวาของเขาเหวี่ยงออกไปราวกับแส้,ผ่านลอยแตกระหว่างเงาดาบก่อนที่กระแทกเข้ากับหน้าอกของหลี่ไฮวโดยตรงด้วยเสียงดังสนั่น.
คช้ะ คช้ะ!
คลื่นของเสียงกระดูกหักที่ทำให้หนังศรีษะของคนผู้หนึ่งต้องด้านชาดังก้องออกมา,และหน้าอกของหลี่ไฮวยุบลงไปเป็นหลุมในทันที.ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวที่พรั่งพรูออกมาจากหมัดของเขาบดขยี้กระดูกที่อยู่ภายในหน้าอกของเขาแตกออกเป็นชิ้นๆในทันที,และอวัยวะภายในของเขาแตกออกเป็นชิ้นๆเช่นเดียวกัน.
อัก!
หลี่ไฮวกระอักโลหิตสีแดงเข้มออกมาคำโต,และใบหน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ.เขาจ้องไปที่เฉินซีด้วยการมองที่มีร่องรอยของความตกใจ,ความไม่พอใจ,ความผิดหวัง...และซับซ้อนเป็นอย่างมาก.
"ข้า…ไม่เคย คาดคิดว่า… ตัวซวยเช่นเจ้า... จริงๆแล้ว ... จริงๆแล้วได้กลายเป็นคนที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก. มันน่าขันอย่างแท้จริง!" หลี่ไฮวพูดอย่างไม่ปะติดปะต่อกัน,และทันทีที่เขาพูดจบ,ศรีษะของเขาหันไปทางด้านข้างและเขาตกตายลงในที่สุด.
"ตอนแรกข้าตั้งใจที่จะสังหารทุกคนในตระกูลหลี่ของเจ้าต่อหน้าสายตาของเจ้าเอง.แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้าต้องปล่อยเจ้าไปอย่างง่ายดาย." เฉินซีพึมพำ,จากนั้นเขาหยิบดาบระลอกคลื่นสน ที่ยังคงอยู่ในมือของหลี่ไฮว.เขาไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อยว่าจะมีผู้อื่นมาเห็นศพของสหายผู้นี้,และะเขาหมุนตัวกลับเพื่อเดินไปทางดอกบัววิญญาณศักดิ์สิทธิ์สีทอง.
เวลาอ่านเจอคำว่า สหาย ทีไรรู้สึกแปลกๆทุกที น่าจะแทนตัวแต่ละคน เป็น เจ้า , ข้า ,ท่าน ขนาดเกลียดกัน จะฆ่ากันตายยังเรียกกันเป็น สหาย
ตอบลบ